คีโตเจนิคไดเอทคืออะไร? กินไขมันอย่างไรให้ผอม
การกินแบบ Ketogenic
ปัจจุบันนี้กระแสการลดน้ำหนักเปลี่ยนไปเรื่อยๆทุกปีไม่ต่างกับเทรนด์แฟชั่น ซึ่งในตอนนี้กระแสการกินแบบใหม่ที่ช่วยลดน้ำหนักที่กำลังได้รับความนิยมนั่นคือ คีโตเจนิค ไดเอต (Ketogenic Diet) หรือที่เรียกกันว่า คีโต ไดเอต (Keto Diet) ที่ยิ่งกินไขมันเท่าไร น้ำหนักก็ยิ่งลด!
การกินแบบนี้คืออะไร ไขมันจะไปช่วยเบิร์นไขมันกันเองได้อย่างไร ช่วยให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว จริงหรือไม่และเพราะอะไร? เราจึงขอสรุปให้ผู้ที่อยากลองไดเอตด้วยการกินอาหารที่มีไขมันแบบไม่รู้สึกผิดเหมือนการลดน้ำหนักแบบอื่นๆ มาฝากกันค่ะ
คีโตเจนิค ไดเอต คืออะไร
การกินอาหารแบบคีโตเจนิค ไดเอต (Ketogenic Diet) คือการกินที่เน้นไขมันสูง รองมาด้วยโปรตีน โดยลดคาร์โบไฮเดรตให้เหลือในปริมาณที่น้อยมากๆ ลดการบริโภคคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลให้น้อย แต่ให้แทนที่ด้วยไขมันทั้งจากพืชและสัตว์แทน เป้าหมายของการบริโภคอาหารวิธีนี้คือการทำให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะ “คีโตซีส” (ketosis) เนื่องจากร่างกายไม่มีน้ำตาลกลูโคสจากคาร์โบไฮเดรต จึงทำให้ต้องดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานแทน
-
ไขมันให้มากที่สุด (High-Fat) 75-80% แบ่งเป็น
– Saturated fat (ไขมันอิ่มตัว) 30%
– Monounsaturated fat (ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว) 50%
– Polyunstaurated fat (ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน) 20%
-
โปรตีนรองลงมา (High-Protein) 20%
-
คาร์โบไฮเดรตให้น้อยที่สุด (Low-Carb) 5% หรือ 20 กรัม! พอ!

กินไขมันแล้วจะช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือ?!
กินไขมันจะไปเบิร์นไขมันได้อย่างไรกัน จริงรึเปล่า!? คำตอบคือเมื่อเราลดปริมาณการกินคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลลงอย่างมาก ร่างกายอันน่าทึ่งของเราจากเดิมที่เคยนำกลูโคสในเลือดที่มาจากอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต น้ำตาล มาใช้เป็นพลังงาน ร่างกายจำต้องหาแหล่งพลังงานอื่นมาแทนที่ นั่นคือมาจากไขมันนั่นเอง กระบวนการนี้ก่อให้เกิดสภาวะการเผาผลาญที่เรียกว่า คีโตสิส (Ketosis) ทำให้เกิดสารที่เรียกว่า คีโตน (Ketone) ในตับ โดยหลังจากเริ่มการกินแบบคีโตเจนิกไปหลายวันหรือหลายสัปดาห์ ร่างกายและสมองอาจรู้สึกอ่อนล้า เหนื่อยง่าย มีกลิ่นปาก แต่จะค่อยๆ ปรับจนสามารถนำไขมันและคีโตนมาใช้เป็นพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแทนที่คาร์โบไฮเดรตนั่นเอง หรือเรียกง่ายๆ คือการเปลี่ยนร่างกายให้กลายเป็นเครื่องจักรกลเผาผลาญไขมันให้เป็นพลังงานในตัวเองนั่นเอง
กินอะไรได้บ้างในคีโตเจนิค?
1.เนื้อสัตว์: ทุกชนิด ติดมันได้, เครื่องใน, ไข่(กินเป็นหลักได้เลย), อาหารทะเล, เบคอน, เนื้อสัตว์แปรรูป (ไส้กรอก แฮม ซาลามี) ระวังบางยี่ห้อผสมแป้ง
ตัวอย่าง ขาหมูติดหนัง (ไม่เอาข้าวและน้ำราด กินกับผัก), ไก่ย่าง, หมูปิ้ง, สเต็ก, ไข่เจียวหมูสับ
2.ผัก: ผักใบเขียวทุกชนิด กินได้ไม่ต้องนับคาร์บ (หลีกเลี่ยงผักหัวใต้ดินอย่างแครอทและมันทั้งหลาย, ถั่วฝักยาว, ถั่วแขก, ฟักทอง) มะเขือเทศ, มะเขือยาว, กะหล่ำดอก, บรอคโคลี, แอสพารากัส – มีคาร์บบ้าง นับไว้ปลอดภัยกว่า
3.ไขมัน: น้ำมันมะกอก, น้ำมันมะพร้าว, เนย, น้ำมันไฮโซ เช่น อะโวคาโด แมคคาเดเมีย, กะทิ! (น้ำมันพืชใช้ได้เล็กน้อย)
ตัวอย่าง – แกงเขียวหวานไก่, สลัดราดน้ำมันมะกอกและบัลซามิค, ปลาทอดเนย
หมายเหตุ: น้ำมันมะพร้าวและกะทิ มีไตรกลีเซอไรด์สายสั้นที่ร่างกายจะนำไปใช้ก่อน แทนที่จะมาเอาไขมันในร่างกายไปใช้ -อย่ากินเป็นหลัก กินไขมันจากที่อื่นด้วย
4.ผลิตภัณฑ์นม: ชีสทุกชนิด, เนย (ห้ามมาการีน), ครีมชีส, ครีม, วิปครีม -ทุกอย่าง full fat
5.ถั่ว: ถั่วที่อนุญาตให้ทานคือ ถั่วเมล็ดเดี่ยว(nuts) เช่น อัลมอนด์ พิชตาชิโอ มะม่วงหิมพานต์ (คาร์บเยอะหน่อย) วอลนัท โดยเฉพาะแมคคาเดเมีย (ถั่วบ้าอะไร ไขมันสูงมาก คาร์บต่ำด้วย) -กินถั่วเป็นของว่าง แต่อย่าเพลินเพราะคาร์บจะเกิน
พวกเมล็ดเจีย(chia seed), เมล็ดฟักทอง, เม็ดแมงลัก, งา ก็ทานได้
เราไม่ทานถั่วเป็นฝัก (legumes) เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว เพราะคาร์บเยอะ และมีสารคล้ายฮอร์โมนเพศหญิง ทำให้เก็บไขมันมากขึ้นค่ะ
ตัวอย่าง – เม็ดแมงลักน้ำกะทิ (ใส่หญ้าหวาน), เจียพุดดิ้ง (เมล็ดเจียแช่นมอัลมอนด์)
6.เครื่องดื่ม: นมอัลมอนด์, ชา, กาแฟ (ใส่ครีมแทนนม), น้ำโซดา, น้ำมะนาว (ไม่ใส่น้ำตาล ใส่หญ้าหวานแทนถ้าอยากหวาน), น้ำแร่ -น้ำเปล่าดีที่สุด!!!
*เครื่องดื่มไดเอททั้งหลายใช้สารให้ความหวานที่แม้ไม่ให้แคลอรี แต่กระตุ้นการหลั่งอินซูลินเช่นกัน -หลีกเลี่ยง จำกัดปริมาณ
**แอลกอฮอล์: หลีกเลี่ยงเพราะทั้งแคลอรี่สูงและคาร์บสูง ที่ดื่มได้บางโอกาสคือพวกบรั่นดี, วอดก้า, จิน, ไวน์, รัม, วิสกี้, เตกีล่า -อยากผอมอย่าเพิ่งดื่มดีกว่าไม๊!!!!
7.ผลไม้: อะโวคาโด (ไขมันสูง แม้มีคาร์บแต่ส่วนใหญ่คือไฟเบอร์), เนื้อมะพร้าว, มะนาว, เลมอน, มะกอก, เบอรี่ทั้งหลาย (จำกัดปริมาณ)
ตัวอย่าง: มะพร้าวอบแห้งแบบไม่ใส่น้ำตาล, สลัดอะโวคาโด, ครีมชีสบีบมะนาวเหยาะหญ้าหวาน (เบสของชีสเค้ก), ราสเบอรี่กับวิปครีม
โดยรวม
-คุณจะกินเฮลตี้ขึ้น เพราะต้องกินผักเยอะ
-ไม่ต้องไปกลัวไขมัน เนื้อสัตว์ติดมันหรือหนังสัตว์ เพราะมันจะเป็นพลังงานหลักของร่างกาย-กินไขมันให้ได้ 70-80% ของสารอาหารทั้งหมด เพื่อให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะคีโตสิส-ใช้พลังงานหลักจากไขมัน
-อย่ากินโปรตีนเยอะเกินไป เพราะโปรตีนที่เกินสามารถเปลี่ยนเป็นน้ำตาล ร่างกายจะไม่เข้าคีโตสิส
-ดื่มน้ำมากๆ
-ไขมันและโปรตีนมีฤทธิ์ลดความอยากอาหาร คุณจะไม่ค่อยหิวและอิ่มเร็วขึ้น
ต้องเลี่ยงกินอะไรบ้าง?
-เลี่ยงอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลสูงเป็นหลัก อาทิ อาหารจำพวกข้าวและแป้งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าวบาร์เลย์, ข้าวสาลี, ข้าวไรย์, ข้าวโพด, ข้าวโอ๊ต ฯลฯ รวมไปถึงข้าวเจ้าที่เรากินกันอยู่ทุกวันเช่นกัน (รวมข้าวต้มและโจ๊กด้วยนะ)
– ผลิตภัณฑ์จากข้าวต่างๆ ทั้งพาสต้า, เส้นราเมง เส้นอุด้ง ขนมปังพิซซ่า, คุกกี้, ขนมปัง, เค้ก ฯลฯ
-ควรเลี่ยงอาหารแปรรูปจำพวกไส้กรอก หมูยอ ลูกชิ้น เนื่องจากมักมีสารสังเคราะห์ ไปจนถึงแป้งที่มักเป็นส่วนประกอบหนึ่งของการผลิต
– ไขมันทรานส์ เพราะถึงแม้ว่าการกินแบบ Ketogenic จะเน้นให้กินแต่ไขมัน แต่ควรเป็นไขมันที่มาจากไขมันสัตว์ หรือพืชอย่างอะโวคาโด เป็นต้น
-ผลไม้ทั้งหลาย ยกเว้น อาโวคาโด ตระกูลเบอร์รี่ รวมถึงผลไม้อบแห้ง แช่อิ่ม และดองต่างๆ ควรกินในปริมาณที่พอเหมาะหรือน้อยมากๆจะดีกว่าค่ะ
สำหรับการกินแบบคีโตเจนิกนั้นอาจเหมาะกับผู้ที่รักการกินไขมันอย่างเอร็ดอร่อยมากกว่าสายคลีน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเอ็นจอยการกินไขมันในปริมาณเยอะพอตัวในแต่ละวัน การกินแบบนี้ก็มีข้อควรระวังที่ผู้ต้องการลดน้ำหนักต้องรู้เช่นกัน อาทิ
ผลข้างเคียงของการกินแบบ คีโตเจนิค และวิธีรับมือ
1.Keto Flu คือ ไข้คีโตฯ เมื่อเริ่มกินคีโตฯ ใน 2-3 วันแรก ร่างกายจะโหยน้ำตาลอย่างหนัก จะรู้สึกเพลีย ๆ มึน ๆ หัวตื้อคิดอะไรไม่ค่อยออก นอนไม่หลับ ท้องไส้ปั่นป่วน วิธีแก้ ให้กินอาหารมากขึ้นไปก่อน ดื่มน้ำเยอะ ๆ และการกินเค็มช่วยได้ อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดศีรษะ เพลีย ท้องผูก (Keto Flu) ในระยะแรกๆของการทำ Ketogenic Diet
2.Ketosis คือ หลังกินคีโตฯ ได้ 1-2 อาทิตย์ เมื่อร่างกายไม่ได้รับน้ำตาลและแป้งเลย ก็จะเริ่มดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงาน แต่เรายังคงโหยน้ำตาลอยู่เป็นพัก ๆ บางทีก็ยังเป็นไข้คีโต น้ำหนัดลดลงเล็กน้อยหรือคงที่ ระหว่างนี้ก็อดทนอีกนิดนะ เป็นสัญญาณที่ดีแล้วว่าร่างกายเริ่มปรับตัวได้
3.Keto Adapted คือ คีโตฯ เต็มตัว หลังจากกินคีโตฯ ประมาณ 1 เดือนเป็นต้นไป ร่างกายจะชิล ๆ ไม่อยากน้ำตาลแล้ว และร่างกายจดจำว่าใช้ไขมันเป็นพลังงานหลัก เบิร์นไขมันเต็มที่ น้ำหนักที่เกิดจากไขมันสะสมมาเนิ่นนานก็จะเริ่มลดลง หนทางผอมแม้จะกินขาหมูเริ่มมาถึงแล้ว
คิดจะคีโตเจนิคไดเอท ต้องระวัง
1.การทานคีโตเจนิคไดเอทอาจเพิ่มความเสี่ยงการเกิดนิ่วที่ไต โดยเฉพาะในคนที่มีประวัติครอบครัว หรือมีสัดส่วนของแคลเซียมต่อ ครีเอตินีนในปัสสาวะสูง
2.ผู้ที่มีภาวะผิดปกติเรื่องตับ ตับอ่อน หรือประวัติโคเลสเตอรอลในเลือด หรือไขมันในเลือดสูงควรระวังและปรึกษาแพทย์ หรือนักกำหนดอาหารก่อนทำ Ketogenic Diet เพราะอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพอย่างถาวรได้
3.การจำกัดคาร์โบไฮเดรตมากๆอาจทำให้ขาดสารอาหารบางชนิด รวมทั้งวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ซึ่งอาจจะต้องกินเสริม
4.การทานในระยะยาวอาจจะมีปัญหา adherence หรือการทำ Ketogenic Diet ให้ต่อเนื่อง เนื่องจากการกินของคนไทยนั้น หนึ่งมักจะทานนอกบ้าน สองเป็นกิจกรรมหมู่ และ สามเราเป็นประเทศที่เน้นกินข้าวเป็นหลัก
5.การเลือกกินไขมันดี คือไขมันไม่อิ่มตัวทั้งเชิงเดี่ยว (mono-unsaturated fat) และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (poly-unsaturated fat) เป็นหัวใจสำคัญของการเลือกกินคีโตที่ถูกต้อง ไขมันอิ่มตัวจากแหล่งเนื้อสัตว์หรือพืช เช่น น้ำมันปาล์มหรือน้ำมันมะพร้าว อาจทำให้มีปัญหาหลอดเลือดหัวใจตามมาในอนาคต
6.การจำกัดอาหารหรือใช้วิธีการลดน้ำหนักแบบเร่งรัด อาจทำให้น้ำหนักที่ลดลงนั้นไม่ยั่งยืน และอาจก่อให้เกิดปัญหาพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติ (eating disorder) ตามมาในระยะยาว
แต่สิ่งหนึ่งที่เราขอแนะนำการลดหุ่นสวย ผอมเพรียวอย่างมีสุขภาพดี และถูกต้องตามหลักโภชนาการนั้นต้องเลือกกินอาหารให้หลากหลายครบทั้ง 5 หมู่ และในปริมาณที่พอดี เน้นผัก และผลไม้รสไม่หวานจัดให้มาก ลดหวาน มัน เค็ม ร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้สดชื่น ไม่เครียด
จากที่กล่าวมาข้างต้น อยากให้สาวกสายคีโตเจนิก ควรมีความมั่นใจเสียก่อนว่าร่างกายของคุณสมบูรณ์แข็งแรงพร้อมกับการกินสายนี้ และควรไปตรวจสุขภาพ ตลอดจนปรึกษาแพทย์ หรือขอคำแนะนำจากนักโภชนาการเสียก่อนเพื่อความปลอดภัยนะคะ
- บทความนี้นำเสนอการทำความเข้าใจการกินแบบคีโตเจนิกขั้นพื้นฐานเท่านั้นดังนั้นจึงควรศึกษาเพิ่มเติมหรืออ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
อ้างอิง กรมอนามัย, THE STANDARD
Tel: 099-131-9919
Website : www.ocare.co.th
Facebook.com/Ocarehealth
Instagram.com/Ocarehealth
Line ID : @ocarehealth
👇👇คลิก https://line.me/R/ti/p/%40hsv2260s
“คลิกโอแคร์ ดูแลถึงบ้าน”
Ocare : โอแคร์ คือ ผู้ให้บริการตรวจสุขภาพถึงบ้าน พร้อมวิเคราะห์ผลตรวจสุขภาพโดยแพทย์ รับผลตรวจทันทีภายใน 24 ชั่วโมง
#โอแคร์#Ocare#ตรวจสุขภาพ#ตรวจสุขภาพถึงบ้าน#โปรแกรมตรวจสุขภาพ#ตรวจสุขภาพโดยแพทย์#ตรวจสุขภาพโดยพยาบาล#ผลสุขภาพออนไลน์